
คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก
คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก โฮมคาเฟ่สไตล์นอร์ดิก เหมือนได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ ลอยมากลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มขมของกาแฟ ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้กลายเป็นหนึ่งธุรกิจยอดฮิตของยุค เราจะเห็นคาเฟ่ผุดขึ้นมาพรึ่บเหมือนดอกเห็ด อย่างในเชียงใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของกาแฟ ก็มีตัวเลขคาเฟ่อยู่ที่ถึง 2,700 ร้าน สวนไซส์มินิ
Nordic House Styleสิ่งแวดล้อมเฉพาะตัว สู่ดีไซน์ที่แตกต่างแต่เรียบง่าย
“Nordic” คือคำใช้เรียกพื้นที่แถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย คาบสมุทรจัตแลนด์ และเกาะไอซ์แลนด์ โดยบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และไอซ์แลนด์ ซึ่งมีภูมิศาสตร์และอากาศเฉพาะตัว โดยมีฤดูหนาวยาวนาน และช่วงเวลากลางวันแสนสั้น ผู้คนแถบนั้นจะได้ทักทายกับแสงอาทิตย์เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน นั่นคือสาเหตุที่ชาวนอร์ดิกใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้รูปแบบการออกแบบบ้านจึงให้ความสำคัญกับความอยู่สบาย ผ่อนคลาย และเน้นฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก
ร้านกาแฟแต่ละร้านจึงพยายามหาจุดขายมาแข่งขันไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือการตกแต่ง ที่มักจะมีสไตล์แปลกตาเพื่อสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้คนให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสชาติกาแฟข้างใน สำหรับใครที่ยังมีความชอบในกาแฟและอยากเปิดร้านที่เป็นบ้านอยู่อาศัยไปพร้อมกัน อาจกำลังมองหาแรงบันดาลใจ เนื้อหานี้ จะพาไปชมโฮมคาเฟ่ในเกาหลีให้เก็บไว้เป็นไอเดียในการสร้างธุรกิจในฝันกันบ้านพักพูลวิลล่า หัวหิน

เจ้าของบ้านนี้เป็นคอรบครัวเล็ก ๆ ที่มีที่ดินเดิมเป็นโรงงานชั้นเดียว เนื่องจากขาดเงินทุนลูกค้าจึงตัดสินใจปรับปรุงอาคารที่มีอยู่ เป็นร้านกาแฟและสร้างบ้านในอาคารเดียว สถาปนิกจึงกำหนดให้ส่วนของ “บ้าน” อยู่เหนือร้านกาแฟบนชั้นสอง เพื่อความเป็นส่วนตัว
และจุดที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นต่อเติมรูปทรงอาคารเหมือนกระท่อมไม้ลอยตัวยื่นออกมา มาจากความต้องการใช้ชื่อร้านว่า ‘VILLA VILLEKULLA’ ซึ่งเป็นกระท่อมในรายการทีวีของสวีเดน ‘Pippi Longstocking’ ทีมงานเชื่อว่าความรู้สึกของรูปแบบอาคารหรือพื้นที่ควรเชื่อมโยงกับการสร้างแบรนด์ จึงเพิ่มกระท่อมไม้หน้าจั่วให้เป็นแบรนด์ร้านกาแฟ และออกแบบภายในให้มีบรรยากาศที่คล้ายคลึงกัน
ชั้นล่างเป็นห้องกระจกลายตารางตามแบบที่กำลังนิยม เพื่อให้คนด้านนอกมองเห็นด้านในได้ชัดเจน ภายในตกแต่งโซนคาเฟ่ด้วยเคาน์เตอร์ยาวทำจากไม้ย้อมสีน้ำตาลเข้ม ท็อปเป็นวัสดุสังเคราะห์สีขาวดูสะอาดและตัดกัน มุมนั่งสำหรับลูกค้าวางชุดโต๊ะเก้าอี้น่ารัก ๆ ให้นั่งรอกาแฟถ้วยโปรดชิล ๆ เหมือนอยู่บ้าน พร้อมเปิดมุมมองไปที่คอร์ยาร์ดตรงกลางที่ใช้งานได้ร่วมกันระหว่างบ้านกับร้านกาแฟ
เนื่องจากพื้นที่อยู่อาศัย (รวมถึงระเบียง) ใหญ่เป็นสองเท่าของร้านกาแฟอยู่บนชั้นสอง จำนวนเสาจึงต้องเพิ่มขึ้นตามพื้นที่ไปด้วย ดังนั้นสถาปนิกจึงแก้ปัญหาด้วยการใช้โครงสร้างเหล็กเพื่อลดเสาให้เล็กที่สุด ทำให้ใช้เวลามากในการออกแบบโครงสร้างเพราะต้องเสริมโครงสร้างของอาคารที่มีอยู่เดิม

‘วิลลาวิลล์คูลา’ หมายถึงบ้านต้นไม้ของปิ๊บปี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกระท่อมไม้ ภายนอกจึงติดไม้ในส่วนที่รูปทรงกระท่อมให้เด่นออกมาจากผนังส่วนอื่นที่เป็นปูนเปลือย และในโซนบ้านไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ครัว ห้องนอน จะตกแต่งด้วยไม้จริงและไม้อัด หลังคาทรงจั่วแหลมกรุฝ้าเพดานตามแนวหลังคาแบบ lean to เหมือนกันหมด บางส่วนของผนังเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่รับแสงได้ดี ได้อารมณ์ของแบบบ้านในเขตหนาวสไตล์นอร์ดิก
เป็นที่คาดว่าถ้ามีร้านกาแฟอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ก็จะมีลูกค้ารวมถึงเพื่อนบ้านแวะมาโดยธรรมชาติ จึงต้องแยกแต่ละห้องซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวภายในบ้านออกจากห้องนั่งเล่นที่แขกเข้ามาใช้บริการ โดยมีบันไดขึ้นสู่ตัวบ้านชั้นสองอยู่ด้านข้าง และถ้าแขกออกมาเยอะ ห้องชั้น 2 ตรงฝั่งที่หันหน้าออกถนนอาจจะมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการติดตั้งบานเกล็ดโลหะที่ด้านหน้าหน้าต่างเพื่อกั้นด้านในบางส่วน
เจ้าของชอบห้องนั่งเล่นตรงปลายสุดของบ้านมากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่เหมือนกระท่อมและยื่นออกไปให้ความรู้สึกว่าบ้านกำลังลอยตัวอยู่ มีรายละเอียดของช่องหน้าต่างที่ออกแบบให้ล้อไปกับรูปร่างของบ้าน เป็นกรอบอลูมิเนียมอบดำชนมุม 90 องศา มองเห็นวิวได้ต่อเนื่องสองด้าน ชวนให้มานั่งเล่นชมวิวในช่วงพักให้หายเหนื่อย

ห้องนอนใหญ่ตกแต่งโทนสีกาแฟ หัวเตียงเหมือนเอสเปรสโซ่เข้มๆ ปูที่นอนด้วยผ้าสีครีมเหมือนนม เหมือนได้กลิ่นกาแฟจ่างๆ ในทุกที่ของบ้านการปรับปรุงอาคารใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะต้องรื้อถอนองค์ประกอบบางส่วนหรือต่อเติมเข้าไป ต้องผ่านการตรวจสอบโครงสร้างจากสถาปนิกและวิศวกร เนื่องจากบางจุดที่ต้องการรื้อ อาจจะเป็นจุดที่รับน้ำหนักที่ทุบทิ้งแล้วจะส่งผลเสียหายต่อโครงสร้างได้ ส่วนกรณีที่ต่อเติมเพิ่มเข้ามาหากน้ำหนักมากเกินไป อาคารเดิมไม่ได้เตรียมมาเผื่อน้ำหนักที่เพิ่มมากก็จะทำให้พื้นทรุดได้เช่นกัน
ข้อดีของบ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic house Style)

- 1. เน้นเปิดพื้นที่ให้แสงสว่างเข้ามา ทำให้ดูอบอุ่น สบายตา
- 2. หลังคาจั่วสูง ไม่มีชายคา ทำให้หิมะไม่ตกค้าง ลดความชื้นบนหลังคา นอกจากนี้หลังคาสูงยังช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง อากาศร้อนลอยตัวขึ้นที่สูงได้ดี หากเสริมช่องระบายอากาศจะช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก
- 3. เน้นการใช้งานมากกว่าความสวยงาม ดีไซน์และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จึงเน้นประโยชน์ใช้สอย
- 4. เน้นความเป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้วัสดุอุปกรณ์จากธรรมชาติ รวมถึงโทนสีที่ดูกลืนกับธรรมชาติ ดูมีอะไร
ข้อควรรู้ก่อนสร้างบ้านสไตล์นอร์ดิก

1. หากอยู่ในพื้นที่ที่ร้อนมาก แดดส่องจัด การสร้างบ้านสไตล์นอร์ดิกอาจจะต้องลดด้านที่เป็นกระจกให้น้อยลง เพื่อให้บ้านไม่ร้อนจนเกินไป
2. การเลือกวัสดุควรเลือกให้เข้ากับภูมิอากาศและภูมิประเทศของบ้านเรา เช่น ถ้าเลือกตกแต่งภายนอกเป็นไม้ ควรเลือกชนิดที่ทนฝน ทนพายุ ทนแดด ไม่แตกหรือหักง่าย เพราะบ้านเราค่อนข้างเจอพายุบ่อย หากเป็นหลังคาอาจจะเลือกหลังคาคอนกรีต เพราะแข็งแรง และดูเนียนตา น่าจะเหมาะกับบ้านสไตล์นี้มากที่สุด
3. การเลือกเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกดีไซน์ที่เรียบง่าย คงคอนเซปต์ ‘Less is More’ เช่น ขอบเรียบเนียนและโค้งมน ไม่มีองค์ประกอบที่ดูรกตา เพื่อคงความนอร์ดิกให้มากที่สุด
4. หากอยากให้บ้านสวยเท่ ดูสุขุมลุ่มลึก แนะนำเป็นโทนดำหรือเทาเข้ม แต่ถ้าชอบความคลีน ๆ ดูมินิมอล แนะนำเป็นโทนสีขาว เทาอ่อน หากเป็นไม้ควรเป็นสีอ่อน click here

